นับถอยหลังกลับเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว การเปิดตัวแอปพลิเคชัน Clubhouse ในเดือนเมษายน จนถึงปัจจุบัน มียอดผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้ เฉลี่ย 2 ล้านคนต่อสัปดาห์ และเมื่อมีคนดังระดับโลกอย่าง Elon Musk ใช้แอปนี้ทำให้แอปพลิเคชันนี้เป็น 1 ใน แอปที่มียอด ดาวน์โหลดมากที่สุดใน App Store (ขณะนี้แอปพลิเคชันรองรับระบบ IOS เท่านั้น) และปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์ กลายเป็น บริษัท สตาร์ทอัพ ยูนิคอร์น ที่เป็นกระแสคนพูดถึงอย่างมาก

ความน่าสนใจของแอปนี้ คือ ผู้ใช้สามารถสร้างห้องขึ้นมาเพื่อพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในห้อง ซึ่งจะมีความชอบ และความสนใจที่เหมือนกัน

โดยหัวข้อสนทนาจะแบ่ง เป็นหัวข้อหลักๆ เช่น สุขภาพ ความเชื่อ ศิลปะ การตลาด กีฬา เทคสตาร์ทอัพ เป็นต้น และในห้องจะมีแอดมิน คอยดูแลและตั้งกฎของห้อง เพื่อรักษาระเบียบเสมือนการสร้าง Community ทางเสียงแบบเฉพาะเจาะจง คนที่มีความชอบ หรือสนใจในเรื่องนั้นๆ ผู้ใช้เสมือนได้เรียนรู้เรื่องราวประสบการณ์ใหม่ๆ และสามารถยกมือสอบถาม โต้ตอบกันได้ แบบ Real Time

ซึ่งตรงนี้เอง SME สามารถประยุกต์ใช้ศึกษาพฤติกรรม วิเคราะห์ความต้องการ เข้าถึงลูกค้าได้ จากการพูดคุย สร้างความเป็นกันเอง

ในส่วนของการสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงลูกค้า โดยการสร้างห้องขึ้นมาเพื่อพูดคุยแบบเป็นกันเอง สร้างการรับรู้ในแบรนด์แบบเข้าถึงได้ง่าย เพราะคงปฎิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันผู้บริโภคต้องการเข้าถึงประสบการณ์ เช่น การทานอาหาร 1 จาน พวกเขาต้องการรู้ถึงที่มาของแหล่งการผลิต และอยากมีส่วนร่วมในประสบการณ์ การผลิตนั้นๆ การที่ได้เห็นกระบวนการทำแต่ละขั้นตอน เป็นเสมือนการสร้าง Value ของสินค้า ที่จับต้องได้และส่งไปถึงการสร้างตัวตนของแบรนด์ เพียงเราสร้างห้องหรือ Club เพื่อใช้ปฎิสัมพันธ์ที่เป็นเสมือนตัวตนของแบรนด์ แล้วส่งต่อไปถึงผู้บริโภค ในแบบ Friendly Relationship

ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

เนื่องจากแอปพลิเคชันนี้ พัฒนาและเติบโตขึ้นภายในระยะเวลาที่รวดเร็วทำให้ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 (ข้อมูลอ้างอิงจาก ข่าว Bloomberg) ถึงระบบรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้ของว่ามีการโจรกรรมข้อมูล และในประเทศจีนได้แบนแอปพลิเคชันนี้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากเราศึกษาข้อดี ข้อเสีย และเรียนรู้ ที่จะนำข้อดีมาใช้ต่อยอดศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค

ที่มา: https://www.posttoday.com/economy/columnist/646597