1. 1. Market Share = สัดส่วนยอดขายของบริษัทเรา เทียบกับมูลค่าทั้งตลาด เช่น เรามียอดขายไก่ทอดปีนี้ 40 บาท และทั้งตลาดไก่ทอด มียอดขายรวมในปีนี้ 100 บาท หมายความว่าเรามี Market Share 40%
   
   
2. 2. Brand Positioning = การวางตำแหน่งทางการตลาด ว่าแบรนด์เราอยู่ตรงไหนในตลาดนั้น เช่น Starbucks วางตำแหน่งว่าเป็นแบรนด์ร้านกาแฟ ที่ขายกาแฟแก้วละ 100 บาท ขึ้นไป และเน้นบริการระดับพรีเมียม
   
   
3. 2. Brand Awareness = ลูกค้านึกถึงแบรนด์เรามากแค่ไหน เวลาคิดถึงสินค้านั้น ๆ เช่น Brand Awareness ที่แย่ที่สุด คือลูกค้าไม่มีภาพจำของแบรนด์เราในหัวเลย
   
   
4. 4. Inbound Marketing = การตลาดที่ไม่เน้นขายตรง ๆ แต่สร้างคุณค่าให้ลูกค้าอยากเข้ามาหาเอง เช่น การเล่าสตอรีแบรนด์ให้น่าสนใจ จนคนอยากมาลองใช้โดยไม่บังคับ
   
   
5. 5. Outbound Marketing = การตลาดที่แบรนด์วิ่งเข้าไปหาลูกค้า เช่น การซื้อสื่อออนไลน์ ทำโฆษณาโปรโมตภาพลักษณ์แบรนด์ หรือแคมเปญต่าง ๆ แบบตรง ๆ ไปเลย
   
   
6. 6. Buyer Persona = การกำหนดว่าลูกค้าของแบรนด์จะต้องเป็นคนแบบไหน เช่น เราขายน้ำหวานแก้วละ 100 บาท ลูกค้าเราต้องเป็นคนทำงานแถว ๆ ย่านราชประสงค์ เงินเดือน 30,000 บาทขึ้นไป
   
   
7. 7. Segmentation = การแบ่งกลุ่มทางการตลาด เช่น กลุ่มลูกค้า เพื่อให้เลือกทำการตลาดได้ตรงจุด และแตกต่างกัน เช่น กลุ่มคนรายได้เยอะ ซื้อบ่อย ก็ต้องทำการตลาดแบบหนึ่ง คนรายได้เยอะ แต่ซื้อไม่บ่อย ก็ต้องทำการตลาดอีกแบบหนึ่ง
   
   
8. 8. SEO (Search Engine Optimize) = การทำคอนเทนต์ให้ติดอันดับแรก ๆ ของการค้นหาใน Google โดยอาศัยการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดในคอนเทนต์นั้น ๆ ให้ตรงและตอบโจทย์การค้นหา
   
   
9. 9. Niche Marketing = การตลาดที่โฟกัสเฉพาะกลุ่มไปเลย เช่น ยาสีฟัน Dentiste’ สูตร premium care ที่บอกว่าเป็นยาสีฟันสำหรับใช้ตอนตื่นนอนโดยเฉพาะ
   
   
10. 10. Brand CI = CI ย่อมาจาก Corporate Identity หรืออัตลักษณ์ของแบรนด์/องค์กร หมายถึง ภาพจำต่าง ๆ เช่น สี ฟอนต์ โลโก ที่ใช้บอกภาพลักษณ์แบรนด์/องค์กรนั้น เช่น Facebook ภาพจำคือโลโกตัว f สีขาว บนแบ็กกราวน์สีน้ำเงิน

หากมีคำถามเพิ่มเติม ลูกค้าสามารถติดต่อทีมขายของ GT Mover เพื่อให้เราจะช่วยคุณค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ ดังนี้

Email: info@gtm.co.th

Line@: @gtmover

Facebook: GTMoverThailand

อ้างอิง : Facebook page : MarketThink