ทุกวันนี้การใช้รถโฟล์คลิฟท์มาเป็นตัวช่วยในการทำงานถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก วันนี้ GT Mover จะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์ ระบบต่าง ๆ ว่าแต่ละแบบนั้นเหมาะกับงานลักษณะอย่างไรกันบ้าง

การพิจารณาเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์ ในระบบต่างๆ ควรเน้นไปที่ลักษณะการใช้งานเป็นหลัก เพราะหากเลือกไม่ตรงกับรูปแบบการใช้งานก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การตัดสินใจเลือกรถโฟล์คลิฟท์ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานนั้น จะช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ โดยสามารถพิจารณาจากระบบขับเคลื่อนของรถโฟล์คลิฟท์ ซึ่งระบบขับเคลื่อนรถโฟล์คลิฟท์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

1. ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ แบ่งย่อยเป็น 2 ประเภท คือ
       1.1 รถโฟล์คลิฟท์เครื่องยนต์ดีเซล (Diesel Forklift)
       1.2 รถโฟล์คลิฟท์เครื่องยนต์เบนซิน (Benzene Forklift)

2. ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า คือ รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift) หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่ารถแบตเตอรี่นั่นเอง โดยของ GT Mover เรามีรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ลิเธียม ที่ช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จ ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น และไม่จำเป็นต้องมีแบตสำรองช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าได้อีกทาง

ลักษณะพื้นที่ในการใช้งาน

1. การใช้งานกลางแจ้งหรืออาคารเปิด
ลักษณะการใช้งาน : ใช้งานกลางแจ้งเป็นหลัก หรืออาคารที่เป็นอาคารเปิด
ประเภทธุรกิจ : ร้านวัสดุก่อสร้าง, โรงสีข้าว, ลานมัน ฯลฯ
แนะนำ : รถโฟล์คลิฟท์ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ซึ่งแบ่งเป็นเครื่อยนต์ดีเซล (Diesel Forklift) และเครื่องยนต์เบนซิน
เหตุผลในการพิจารณา : เนื่องจากรถโฟล์คลิฟท์เครื่องยนต์ มีความทนต่อสภาพอากาศกลางแจ้งได้ และยังสามารถกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งรถเครื่องยนต์จะมีควันเสียที่ปล่อยออกมาจากตัวรถ จึงไม่เหมาะกับการใช้งานภายในอาคารปิดหรือภายในคลังสินค้าเนื่องจากมีกลิ่นเหม็น และไอเสียอาจไปติดสินค้าได้

2. การใช้งานภายในอาคาร, ในคลังสินค้า
ลักษณะการใช้งาน : ใช้งานในพื้นที่ปิด, ในอาคาร
ประเภทธุรกิจ : คลังสินค้า, ศูนย์กระจายสินค้า, ธุรกิจอาหารและยา ฯลฯ
แนะนำ : รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift)
เหตุผลในการพิจารณา : รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift) เครื่องยนต์จะเงียบและไม่มีไอเสียออกมารบกวน ทำให้สามารถใช้ทำงานในอาคารได้อย่างดีและปลอดภัยต่อสุขภาพของพนักงานอีกด้วย